img 4272 ขนาดใหญ่

ตรวจความหนาสี (DFT) บนโครงสร้างเหล็ก: บทเรียนจากเคส 25 ไมครอน

แค่ทาสี...อาจไม่พอ: ทำไมต้องตรวจความหนาสี (DFT) บนโครงสร้างเหล็ก? บทเรียนจากเคส 25 ไมครอน

ในงานก่อสร้างโครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) หลายคนมักเข้าใจผิดว่า "เห็นเหล็กเป็นสีแดงหรือสีเทาแล้ว แปลว่ากันสนิมได้แล้ว" แต่ในความเป็นจริง การทาสีเพื่อป้องกันสนิมไม่ใช่แค่เรื่องของ "เฉดสี" แต่เป็นเรื่องของ "ความหนาของชั้นฟิล์ม" (Film Thickness) ที่ต้องทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันสภาพอากาศ

วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า ทำไมการตรวจวัดความหนาสีแห้ง (Dry Film Thickness - DFT) ถึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับงานเหล็ก และกรณีศึกษาที่น่าตกใจเมื่อเหล็กอายุไม่ถึง 3 เดือนกลับเป็นสนิมเพราะสีบางเกินไป

(คลิกเพื่อชมวีดีโอการตรวจวัดจริงหน้างาน)

1. ทำไมต้องตรวจความหนาสี? (The Importance of DFT)

สีทาเหล็กทำหน้าที่เป็น Barrier Protection หรือกำแพงกั้นไม่ให้ออกซิเจนและความชื้นจากภายนอกสัมผัสกับเนื้อเหล็กโดยตรง

  • ถ้าฟิล์มสีหนาพอ: โมเลกุลน้ำและอากาศจะซึมผ่านได้ยาก เหล็กจึงปลอดภัย
  • ถ้าฟิล์มสีบางไป: จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "ตามด" (Pinholes) ซึ่งตาเปล่ามองไม่เห็น เป็นช่องทางด่วนให้ความชื้นเจาะเข้าทำลายเนื้อเหล็กได้ทันที

ดังนั้น การใช้สายตามองว่า "ทาทั่วแล้ว" จึงไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางวิศวกรรมเข้ามาตรวจสอบ

2. เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบ

เครื่องวัดความหนาสี Coating Thickness Gauge
เครื่องวัดความหนาสี (Coating Thickness Gauge) ที่ใช้ในการตรวจสอบ

เครื่องมือมาตรฐานที่ใช้คือ Coating Thickness Gauge (เครื่องวัดความหนาสี) ซึ่งทำงานโดยใช้หลักการแม่เหล็กในการวัดระยะห่างระหว่างหัววัดกับเนื้อเหล็ก โดยค่าที่อ่านได้จะมีหน่วยเป็น ไมครอน (Micron) การใช้เครื่องมือนี้จะทำให้เจ้าของงานหรือผู้คุมงานรู้ "ความจริง" ที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวสี

3. กรณีศึกษา: ภัยเงียบของค่า "25 ไมครอน"

การวัดความหนาสีระยะใกล้ ค่าต่ำกว่ามาตรฐาน
ภาพขณะทำการตรวจวัดระยะใกล้ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือ

จากประสบการณ์หน้างานจริง (Case Study) ในวีดีโอข้างต้น เราได้ทำการตรวจสอบโครงสร้างเหล็กแห่งหนึ่งที่มีอายุการติดตั้งไม่ถึง 3 เดือน แต่กลับพบร่องรอยสนิมเกิดขึ้นหลายจุด

ผลการตรวจสอบที่น่าตกใจ

เมื่อใช้เครื่องวัดความหนาสีจี้ลงไป ผลที่ได้คือ: ค่าความหนาอยู่ที่ประมาณ 25 ไมครอนเท่านั้น

ทำไม 25 ไมครอนถึงเป็นปัญหา?
ค่า 25 ไมครอน ถือว่า "บางวิกฤต" ครับ เทียบเท่ากับการพ่นสีโปรยๆ หรือทารองพื้นเพียงรอบเดียวแบบบางมากๆ ที่ความหนาระดับนี้เนื้อสีไม่สามารถกลบความขรุขระของผิวเหล็กได้มิด ฟิล์มสีมีรูพรุนจำนวนมาก ผลลัพธ์คือ แม้เหล็กจะเพิ่งติดตั้งได้เพียง 2-3 เดือน สนิมจึงสามารถแทรกตัวและกัดกร่อนออกมาให้เห็นได้อย่างรวดเร็ว

4. ค่ามาตรฐานที่ควรเป็น (Standard DFT)

การตรวจสอบหน้างานโครงสร้างเหล็ก
การตรวจสอบภาพรวมของโครงสร้างเหล็กในหน้างานจริง

แล้วความหนาเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย? แม้จะขึ้นอยู่กับสเปก (Specification) ของสีแต่ละยี่ห้อและสภาพแวดล้อม แต่โดยทั่วไปตามหลักวิศวกรรมมีเกณฑ์เบื้องต้นดังนี้:

  • สีรองพื้นกันสนิม (Primer): ควรมีความหนาไม่ต่ำกว่า 40-50 ไมครอน ต่อเที่ยว เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อสีปกคลุมผิวเหล็กได้สมบูรณ์
  • ระบบสีรวม (Total System): หากรวมสีรองพื้นและสีทับหน้า (Top coat) ในสภาพแวดล้อมทั่วไป ควรมีความหนารวม 100 ไมครอนขึ้นไป

5. บทสรุป

มาตรฐานความหนาสี ไม่ใช่เรื่องที่อลุ่มอล่วยได้

กรณีของเหล็กที่เป็นสนิมในเวลาไม่ถึง 3 เดือน คือเครื่องเตือนใจที่ดีที่สุด สำหรับเจ้าของโครงการหรือผู้รับเหมา การมีเครื่องวัดความหนาสี (DFT Gauge) และทำการสุ่มตรวจก่อนรับงาน คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพื่อป้องกันปัญหาโครงสร้างเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร และประหยัดงบประมาณในการซ่อมบำรุงระยะยาวครับ

บทความโดยทีมงาน Growcons.com